เช่น
1. เมื่อเรานั่งเรือเที่ยวในตลาดน้ำ อันตรายอย่างหนึ่งคือการจับกราบเรือในขณะที่มีเรือสวนกันไปมา จึงต้องบอกนั่งท่องเที่ยวว่า "คุณต้องไม่จับ(ยึด)กราบเรือ You must not hold the boat gunwale."
2. เมื่อเราจะบอกนักท่องเที่ยวว่า "คุณต้องไม่ทิ้งก้นบุหรี่บนชายหาด You must not drop cigarette butt on the beach."
หมายเหตุ : คำนี้ไม่ได้มีความเกี่ยวข้องกับคำว่า will ที่แปลว่า แต่เป็นคำที่ลดรูปมาจากคำว่า "มีความจำเป็นต้อง" หรือ"มีความจำเป็นจะต้อง"
ตัวอย่าง
1. นกจำนวนมากจะต้องอพยพจากไซบีเรียมาเมืองไทยในเดือนพฤศจิกายน
A lot of birds have to migrate from Siberia to Thailand in November.
Many birds have to migrate from Siberia to Thailand in November.
A number of birds have to migrate from Siberia to Thailand in November.
2. ตั๋วนี้จะต้องใช้ภายใน10วัน (ความหมายคือ ตั๋วนี้จะต้องถูกใช้ภายใน10วัน)
This ticket has to be used within 10 days.
3. หาดนี้จะต้องทำความสะอาด (ความหมายคือ หาดนี้จะต้องถูกทำความสะอาด)
This beach has to be cleaned.
4. คุณจะต้องมารอรถไฟที่นี่ก่อน 10.45 น.
You have to come to wait for the train here before 10.45.
5. รัฐบาลจะต้องแก้ปัญหานี้
The government has to solve the problem.
The government has to solve this problem.
6. เราจะต้องเดินจากที่นี่ไปประมาณ20นาที
We have to walk from here about 20 minutes.
7. เขาจะต้องมารับเรา
He has to come to pick us up.
8. เราจะต้องไปส่งเขา
We have to go to see him off.
We have to go to send him off.
9. เราจะต้องซื้อดาวเรือง กุหลาบ บานไม่รู้โรย แล้วก็มะลิ
We have to buy African marigold , rose , bachelor button and jasmine.
10.เขาจะต้องออกใบเสร็จให้เรา
He has to issue a receipt for us.
หมายเหตุ คำว่า receipt ไม่ออกเสียงตัว p ดังนั้น เสียงที่ได้จะเป็น รีซีท
11.ในขณะที่คุณกำลังทำสมาธิ คุณจะต้องให้การเอาใจใส่ต่อการหายใจเข้าและหายใจออกอย่างสม่ำเสมอ (เรียกว่า อานาปาณสติ)
When you are doing meditation, you have to take heed on your inhalation and exhalation constantly.
แบบฝึกหัดที่ 1
1. เราจะต้องรอกันอีกนานแค่ไหน?
2. เขาจะต้องจ่ายค่าเข้าพิพิธภัณฑ์ด้วยหรือเปล่า?
3. คุณไม่จำเป็นต้องปลุกเขา
4. คุณจำเป็นต้องไปเป็นเพื่อนพวกเราไปเที่ยวตลาดสด (wet market ตลาดสด)
5. คุณจำเป็นต้องเช่าเรือไปเกาะ
6. สูตรนี้จำเป็นต้องมีน้ำมะขาม
7. ผ้าผืนนี้จำเป็นต้องเก็บไว้อย่างดี (ความหมายคือ ผ้าผืนนี้จำเป็นต้องถูกเก็บไว้อย่างดี)
8. การเดินทางจำเป็นต้องตรงเวลาหรือเปล่า?
9. เรื่องนี้จำเป็นต้องติดตาม (ความหมายคือ เรื่องนี้จำเป็นต้องถูกติดตามหรือได้รับการติดตาม)
10. เรื่องนี้จำเป็นต้องดำเนินการ (ความหมายคือ เรื่องนี้จำเป็นต้องถูกดำเนินการ หรือได้รับการดำเนินการ)
เฉลย
1. How long do we have to wait?
2. Does he have to pay for the museum admission too?
3. You don't have to wake him/her up.
4. You have to escort us to visit the wet market.
You have to accompany us to visit the wet market.
5. You have to rent a boat to the island.
You have to hire a boat to the island.
6. This recipe has to have tamarind juice.
7. This fabric has to be well kept.
8. Does the trip have to be on time?/ Does the trip have to be punctual?
Does the departure have to be on time? Does the departure have to be punctual?
9. This matter has to be followed up.
This story has to be followed up.
10. This matter has to be handled.
This matter has to be operated.
แบบฝึกหัดที่ 2
1. เราจะต้องถอดรองเท้าก่อน (ตอนนั้น)
2. เราต้องถอดรองเท้าก่อน (ตอนนี้)
3. เราจะต้องเดินต่อไปอีก10นาทีจึงจะถึงวัด (ตอนนั้น)
4. เราจะต้องเดินต่อไปอีก10นาทีจึงจะถึงวัด (ตอนนี้)
5. พระยาตากต้องใช้เวลาประมาณ7เดือนกว่าจะรวมอาณาจักรได้
6. เขาจะต้องใช้เวลาอีก6เดือนกว่าจะปฏิสังขรณ์วัดนี้เสร็จ(ตอนนั้น)
7. เขาจะต้องใช้เวลาอีก6เดือนกว่าจะปฏิสังขรณ์วัดนี้เสร็จ(ตอนนี้)
8. พระรามจะต้องใช้เวลาประมาณ14ปีกว่าจะนำนางสีดากลับคืนมาได้
9. พระนารายณ์จะต้องจ้างชาวต่างชาติจำนวนมากมาเป็นข้าราชการ
10. พระนารายณ์จำต้องผูกมิตรกับฝรั่งเศสเพื่อถ่วงดุลย์ฮอลันดา
เฉลย
1. We had to take shoes off first./We had to take off shoes first.
2. We have to take shoes off first./ We have to take off shoes first.
3. We had to keep walking for 10 more minutes to reach (to get to) the next (the following) temple.
4. We have to keep walking for 10 more minutes to reach(to get) the next (the following) temple.
5. King Taksin had to take about 7 months to be able to merge (combine) the kingdom.
6. He had to take 6 more months to complete the temple restoration.
7. He has to take 6 months to complete the temple restoration.
8. Ram(Rama) had to take about 14 years to bring Sita back.
Ram(Rama) had to take about 14 years to return Sita.
Ram(Rama) has to take about 14 years to bring Sita back.
Ram(Rama) has to take about 14 years to return Sita.
9. King Narai had to employ (hire) a lot of (many) foreigners to be civil servants.
10. King Narai had to make friend with the French to counterbalance the Dutch.
หมายเหตุ : คำนี้ไม่ได้มีความเกี่ยวข้องกับคำว่า will ที่แปลว่า แต่เป็นคำที่ลดรูปมาจากคำว่า "มีความจำเป็นต้อง" หรือ"มีความจำเป็นจะต้อง"
ตัวอย่าง
1. นกจำนวนมากจะต้องอพยพจากไซบีเรียมาเมืองไทยในเดือนพฤศจิกายน
A lot of birds have to migrate from Siberia to Thailand in November.
Many birds have to migrate from Siberia to Thailand in November.
A number of birds have to migrate from Siberia to Thailand in November.
2. ตั๋วนี้จะต้องใช้ภายใน10วัน (ความหมายคือ ตั๋วนี้จะต้องถูกใช้ภายใน10วัน)
This ticket has to be used within 10 days.
3. หาดนี้จะต้องทำความสะอาด (ความหมายคือ หาดนี้จะต้องถูกทำความสะอาด)
This beach has to be cleaned.
4. คุณจะต้องมารอรถไฟที่นี่ก่อน 10.45 น.
You have to come to wait for the train here before 10.45.
5. รัฐบาลจะต้องแก้ปัญหานี้
The government has to solve the problem.
The government has to solve this problem.
6. เราจะต้องเดินจากที่นี่ไปประมาณ20นาที
We have to walk from here about 20 minutes.
7. เขาจะต้องมารับเรา
He has to come to pick us up.
8. เราจะต้องไปส่งเขา
We have to go to see him off.
We have to go to send him off.
9. เราจะต้องซื้อดาวเรือง กุหลาบ บานไม่รู้โรย แล้วก็มะลิ
We have to buy African marigold , rose , bachelor button and jasmine.
10.เขาจะต้องออกใบเสร็จให้เรา
He has to issue a receipt for us.
หมายเหตุ คำว่า receipt ไม่ออกเสียงตัว p ดังนั้น เสียงที่ได้จะเป็น รีซีท
11.ในขณะที่คุณกำลังทำสมาธิ คุณจะต้องให้การเอาใจใส่ต่อการหายใจเข้าและหายใจออกอย่างสม่ำเสมอ (เรียกว่า อานาปาณสติ)
When you are doing meditation, you have to take heed on your inhalation and exhalation constantly.
ถาม......have to กลายเป็น hafta ได้อย่างไร?
ตอบ......hafta (บางที่สะกด haveta) ใช้กันในภาษาพูด เกิดจากการกร่อนของคำว่า have to ว่ากันว่ามาจากคนหนุ่มสาวยุคใหม่ที่ชอบพูดรวบคำ ยังไม่ถือว่าเป็นที่ยอมรับตามหลักไวยากรณ์ ผู้เขียนไม่กล้าใช้ เพราะกลัวจะติดปากจนเคยตัว ยิ่งถ้าใครนำไปใช้ในการสอบข้อเขียนแล้ว คงจะโดนหักคะแนน ข้อหาใช้ภาษาไม่ถูกต้องหรือใช้ภาษาชุ่ยๆ ถ้าจะเปรียบเทียบคำในภาษาไทย ก็ยกตัวอย่างเช่นคำว่า กำลัง(ทำอะไรอยู่) บางคนพูดไม่เป็นแล้ว กลายเป็น "กะลัง" เช่นแทนที่จะพูดว่า กำลังเดินทางไปอยุธยา กลายเป็น กะลังเดินทางไปยุดยา
เพิ่มเติม สำหรับการใช้ "NEED"
(1)เราสามารถเลือกใช้ "need " ในความหมายว่า จำเป็นต้อง แต่รูปปฏิเสธ จะใช้เป็น Need not (แต่เมื่อพบเข้าจริงแล้ว อาจจะได้ยินพู้พูดพูดว่า No need แปลว่า ไม่มีความจำเป็น มาจาก There is no need เช่น No need to enter หรือ There is no need to enter สำหรับความหมายว่า ไม่มีความจำเป็นต้องเข้าไป) ทั้งนี้แล้วแต่ความถนัดและเคยชินของผู้ใช้
(2)การใช้ need แทน have to สำหรับหลักภาษาแบบเดิม มีหลักว่า ให้ใช้เฉพาะในประโยคปฎิเสธ และคำถาม ส่วนถ้าใช้เป็นประโยคบอกเล่า ให้คงสภาพใช้คำว่า "have to" ไว้ หรือไม่ก็ เปลี่ยนไปใช้ "must"
ถ้าจะให้จำง่ายๆ เราจะใช้เป็นสูตรก็ได้ว่า
need not = do(does) not have to ตัวอย่าง ว่า "คุณไม่จำเป็นต้องเที่ยวเกาะกับคณะก็ได้ ถ้าคุณไม่เต็มใจ" จะได้2แบบ คือ "You don't have to visit the island with the group,if you are not willing to." และ "You needn't visit the island with the group,if you are not willing to."
( หรือจะใช้อีกแบบคือ needless(adjective) ก็จะเป็น It is needless to visit the island with the group,if you are not willing to.)
(3)ถ้าใช้ need ในความหมายถูกกระทำ ให้ใช้ได้ 2 แบบ คือ need +to be +V3 หรือ need +Ving
ตัวอย่าง
1. คุณไม่จำเป็นต้องใช้มัน
You need not use it.
You don't have to use it.
2. คุณจำเป็นต้องรออยู่ตรงนี้
You have to wait here.
You must wait here.
3. ชาวต่างชาติจะต้องจ่ายค่าเข้าชมพระบรมมหาราชวังคนละ 500 บาท
Foreigners have to pay for the Royal Grand Palace Baht 500 each.
Foreigners must pay for the Royal Grand Palace Baht 500 each.
4. ราคานี้จะต้องรวมอาหารเช้าด้วย
This price (rate) needs to be included with breakfast.
This price (rate) needs including with breakfast.
5. ผ้าผืนนี้เปื้อนแล้ว มันจำเป็นต้องซัก
This fabric is stained. It needs to be washed.
This fabric is stained . It needs washing.
6. การเจารจาจำเป็นต้องเลื่อนไป
The negotiation needs to be postponed.
The negotiation needs postponing.
7. เราจำเป็นต้องออกเอกสารรับรองการจ่ายค่าทัวร์ให้แก่ลูกค้า
We have to issue the tour voucher for the client.
We have to issue the tour voucher for the client.
( voucher ออกเสียง ว่า เวา-เชอะ ไม่ใช่ วอย-เชอะ และเสียง "ว" เป็นเสียง v ไม่ใช่ w)
8. เราจำเป็นต้องแก้ปัญหาเรื่องตารางเวลา
We have to solve the timetable problem.
We must solve the time table problem.
9. ปัญหาเรื่องตารางเวลาจำเป็นต้องแก้
The time table problem needs to be solved.
The time table problem needs solving.
10.คุณแทบจะไม่จำเป็นต้องพูดอะไร มันจบแล้ว
You hardly(scarcely) need say anything. It is over.
You hardly have to say anything. It is over.
11. เราจะต้องใช้เวลา1ชั่วโมงรอรถไฟขบวนที่ใช่
We have to spend 1hour waiting for the right train.
(หลักภาษาคือ spend+กรรม+Ving)
12. เราจะต้องเสียเวลารอรถไฟขบวนที่ใช่1ชั่วโมง
We have to waste 1 hour waiting for the right train.
(หลักภาษาคือ waste+กรรม+Ving)
13. พวกเขาจะต้องมาเที่ยวภูเก็ตทุกปี เพราะพวกเขาหลงเสน่ห์ภูเก็ต
They have to visit Phuket every year because they are Phuket infatuated.
They have to visit Phuket every year because they are infatuated by Phuket.
They have to visit Phuket every year because of Phuket infatuation.
แบบฝึกหัดที่ 1
1. เราจะต้องรอกันอีกนานแค่ไหน?
2. เขาจะต้องจ่ายค่าเข้าพิพิธภัณฑ์ด้วยหรือเปล่า?
3. คุณไม่จำเป็นต้องปลุกเขา
4. คุณจำเป็นต้องไปเป็นเพื่อนพวกเราไปเที่ยวตลาดสด (wet market ตลาดสด)
5. คุณจำเป็นต้องเช่าเรือไปเกาะ
6. สูตรนี้จำเป็นต้องมีน้ำมะขาม
7. ผ้าผืนนี้จำเป็นต้องเก็บไว้อย่างดี (ความหมายคือ ผ้าผืนนี้จำเป็นต้องถูกเก็บไว้อย่างดี)
8. การเดินทางจำเป็นต้องตรงเวลาหรือเปล่า?
9. เรื่องนี้จำเป็นต้องติดตาม (ความหมายคือ เรื่องนี้จำเป็นต้องถูกติดตามหรือได้รับการติดตาม)
10. เรื่องนี้จำเป็นต้องดำเนินการ (ความหมายคือ เรื่องนี้จำเป็นต้องถูกดำเนินการ หรือได้รับการดำเนินการ)
เฉลย
1. How long do we have to wait?
2. Does he have to pay for the museum admission too?
3. You don't have to wake him/her up.
4. You have to escort us to visit the wet market.
You have to accompany us to visit the wet market.
5. You have to rent a boat to the island.
You have to hire a boat to the island.
6. This recipe has to have tamarind juice.
7. This fabric has to be well kept.
8. Does the trip have to be on time?/ Does the trip have to be punctual?
Does the departure have to be on time? Does the departure have to be punctual?
9. This matter has to be followed up.
This story has to be followed up.
10. This matter has to be handled.
This matter has to be operated.
แบบฝึกหัดที่ 2
1. เราจะต้องถอดรองเท้าก่อน (ตอนนั้น)
2. เราต้องถอดรองเท้าก่อน (ตอนนี้)
3. เราจะต้องเดินต่อไปอีก10นาทีจึงจะถึงวัด (ตอนนั้น)
4. เราจะต้องเดินต่อไปอีก10นาทีจึงจะถึงวัด (ตอนนี้)
5. พระยาตากต้องใช้เวลาประมาณ7เดือนกว่าจะรวมอาณาจักรได้
6. เขาจะต้องใช้เวลาอีก6เดือนกว่าจะปฏิสังขรณ์วัดนี้เสร็จ(ตอนนั้น)
7. เขาจะต้องใช้เวลาอีก6เดือนกว่าจะปฏิสังขรณ์วัดนี้เสร็จ(ตอนนี้)
8. พระรามจะต้องใช้เวลาประมาณ14ปีกว่าจะนำนางสีดากลับคืนมาได้
9. พระนารายณ์จะต้องจ้างชาวต่างชาติจำนวนมากมาเป็นข้าราชการ
10. พระนารายณ์จำต้องผูกมิตรกับฝรั่งเศสเพื่อถ่วงดุลย์ฮอลันดา
เฉลย
1. We had to take shoes off first./We had to take off shoes first.
2. We have to take shoes off first./ We have to take off shoes first.
3. We had to keep walking for 10 more minutes to reach (to get to) the next (the following) temple.
4. We have to keep walking for 10 more minutes to reach(to get) the next (the following) temple.
5. King Taksin had to take about 7 months to be able to merge (combine) the kingdom.
6. He had to take 6 more months to complete the temple restoration.
7. He has to take 6 months to complete the temple restoration.
8. Ram(Rama) had to take about 14 years to bring Sita back.
Ram(Rama) had to take about 14 years to return Sita.
Ram(Rama) has to take about 14 years to bring Sita back.
Ram(Rama) has to take about 14 years to return Sita.
9. King Narai had to employ (hire) a lot of (many) foreigners to be civil servants.
10. King Narai had to make friend with the French to counterbalance the Dutch.
Reading for comprehension การอ่านเพื่อความเข้าใจ
In the past,formal schools were not available in Siam.ในอดีตไม่มีโรงเรียนที่เป็นทางการในสยาม Boys had to be educated by Buddhist monks.เด็กผู้ชายจะต้องได้รับการศึกษาจากพระสงฆ์ Girls were marriageable at 11 years old เด็กหญิงพร้อมจะแต่งงานได้เมื่ออายุ11ปี Then they had to learn matrimony affair. ดังนั้น(เด็กหญิง)จึงจะต้องเรียนรู้เรื่องการมีเหย้ามีเรือน
Reading for knowledge and fun.
This dialogue provides both knowledge and latent hilarity regarding a fact in Thailand.
A: I think we have to find out the right monk somewhere else.
B: why do we have to?
A: You see. We have to ask a monk to oust an evil-spirit from our haunted house.
B: So?
A: This monk didn't say much to us. He is so much addicted to i-phone that his eyes get stuck with gazing the i-phone all the time.
B: Then.
A: How can an i-zombie monk outs evil-spirits? I have never heard of a zombie getting rid of a spirit.
B: I-ZOMBIE MONK ! What on earth?
A: He is obssesed by i-phone. Perhaps, we find a monk stuck with a smart phone.
B: What do we call such a monk?
A: Certainly. An android-zombie monk.
Latest updated : 20th Nov 2021
No comments:
Post a Comment