Tuesday, 13 July 2021

การเลือกใช้ความหมายว่า "จะ" ที่ไม่ใช่ Will และฺ Be+going+to

 การเลือกใช้ความหมายว่า "จะ"  ที่ไม่ใช่  Will  และฺ Be+going+to


โดยหลักทั่วไป เราจะใช้ ความหมายว่า "จะ" กันด้วยรูปแบบ will หรือ Be+going+to+.....V.... โดยที่  will  มักจะบอกเผินๆถึงความตั้งใจ  หรือว่า เรื่องราวจะเป็นอย่างไร หรือใครจะทำอะไร  ซึ่งอาจจะมีการเปลี่ยนแปลงไปคือไม่เกิดขึ้น  ดังนั้นเมื่อผู้พูดจะเน้นน้ำหนักถึงความแน่นอนกว่า มักจะเลือกใช้  Be+going+to+V  

ตัวอย่างเช่น  เมื่อจะพูดว่า "เราจะไปเที่ยวอุทยานแห่งชาติเขาสกกัน" จะได้2แบบ คือ We will visit Khaosok National Park. และ We are going to visit Khaosok National Park.  อธิบายได้ดังนี้

We will visit Khaosok National Park. บอกถึงความตั้งใจไว้ว่าจะไปเที่ยวเขาสก  แต่อาจจะไม่ได้เตรียมอะไรไว้   ถึงเวลาก็อาจจะไม่ได้ไป

We are going to visit Khaosok National Park. บอกถึงความแน่นอนกว่า will เช่น จองเรือแล้ว เตรียมอะไรไว้แล้ว

แต่มีรูปแบบการใช้คำว่า "จะ"  อีก 2 คำ คือ   Be+to+V    และ  Be+about+V

Be+to+V  ใช้ในความหมายว่า "จะ" โดยไม่ได้บอกความหมายนัยๆ แบบที่มีใน will และ Be+going+to เมื่อจะพูดว่า  เราจะไปเที่ยวเขาสก ในรูปแบบนี้ จะได้เป็น  We are to visit Khaosok National Park.  

ส่วน Be+about+V    ให้ความหมายลึกลงไปกว่านั้น  คือ "กำลังจะ...."   ดังนั้นเมื่อใช้ We are about to visit Khaosok National Park. ก็จะได้ความหมายว่า "เรากำลังจะไปเที่ยวอุทยานแห่งชาติเขาสก" นั่นบอกให้ทราบว่าเหตุการณ์ใกล้ความจริงมากกว่าประโยครูปแบบอื่นๆที่กล่าวมา  

ตัวอย่าง

1. We are to return to the hotel earlier because the rain is about to reach here. 

เราจะกลับโรงแรมเร็วขึ้นเพราะฝนกำลังจะมาถึงที่นี่แล้ว

2.  I am to be back tomorrow. The train is about  to leave. We run out of  time to chat. See you then.

ฉันจะกลับมาพรุ่งนี้  รถไฟกำลังจะออกแล้ว  เราหมดเวลาคุยกันแล้ว แล้วเจอกันนะ

3.  Prepare 20 welcome drinks now.  The clients are about to arrive.

เตรียมเครื่องดื่มต้อนรับไว้20ที่ตอนนี้เลย  ลูกค้ากำลังจะมาถึง

4.  The coach was out of order when we were about to reach the destination.

รถ(ทัวร์) เสีย ตอนที่เรากำลังจะถึงที่หมาย

5.  We are about to change to a smaller boat. It is to take us to beach at the bay. 

เรากำลังจะเปลี่ยนไปเรือลำเล็กลง  มันจะพาเราไปเกยหาดที่อ่าว(อ่าวนั้น)

หมายเหตุ : 

(1) ปกติเรือลำใหญ่ไม่สามารถพาผู้โดยสารขึ้นเกยหาดเนื่องจากน้ำตื้นเกินไป จึงต้องมีการเปลี่ยนลำเรือขนาดเล็กมารับต่อไป

(2) คำว่า beach ในที่นี้  ใช้เป็น คำกริยา (verb)  มีความหมายในตัวอยู่แล้ว  แปลว่า "เกยหาด"

6.  I don't believe we take the ferry in time  because it is about to leave. 

ฉันไม่เชื่อว่าเราจะขึ้นเรือทัน เพราะมันกำลังจะออก

หมายเหตุ:  สิ่งที่ไม่ควรมองข้ามคือ ประโยค Present Simple ใช้กับความหมายว่า "จะ"ก็ได้  ดังนั้น I don't believe we take the ferry in time ก็เพียงพอ  ไม่จำเป็นต้องบอกว่า  I don't believe we will take the ferry in time ให้เสียเวลา หรือให้รกประโยค

7.  Take heart a bit more; we are about to reach the topmost.

ฮึดสู้อีกสักนิดหนึ่ง  เรากำลังจะถึงข้างบนสุดแล้ว 

8.  The ferry  is to pick up passengers every half an hour.

เรือโดยสาร(ข้ามฟาก) จะ(มา)รับผู้โดยสารทุกครึ่งชั่วโมง

9.  We are about to finish preparation. Seven of us  are going trekking for two nights. I  am to stay in town.  Please let me know when  you are about to bring them back.  We are to meet again in the hotel lobby. 

เรากำลังจะเตรียมของเสร็จแล้ว  คนของเราเจ็ดคนจะไปทัวร์เดินป่ากัน2คืน  ฉันจะอยู่ในเมือง  ช่วยบอกให้ฉันรู้ด้วยตอนที่คุณกำลังจะพาเขากลับมา  เราจะเจอกันอีกทีที่ล็อบบี้โรงแรม

หมายเหตุ :  เมื่อใช้ว่า ไปทำกิจกรรมใดๆ  เราจะใช้ว่า  go+Ving   เช่น go shopping  ,  go swimming , go playing football , go diving  เป็นต้น


10.  We need more people here.  That side is too heavy.  The boat is about to list. 

เราต้องการคนมาตรงนี้อีก   ฝั่งนั้นหนักไป  เรือกำลังจะเอียง

list (v)  เอียง

11.  The train arrived  when the officer was about to issue tickets for passengers. 

รถไฟมาถึงตอนที่เจ้าหน้าที่กำลังจะออกตั๋วให้ผู้โดยสาร (นี่คืออีกสาเหตุหนึ่งที่ทำให้รถไฟไทยเสียเวลา)

12.  Please stop walking for a while .  I am tired and  about to lose my wind. 

กรุณาหยุดเดินสักพัก ฉันเหนื่อยและกำลังจะหอบแล้ว

13.  Look over there. The elephant is about to calve.

Look over there. The elephant is about to give birth.

ดูทางนั้นสิ  ช้างกำลังจะออกลูก

14. The goverment is about to send helicopters to help bushrangers extinguish bush fire.

รัฐบาลกำลังจะส่งเฮลิคอปเตอร์(หลายลำ)เพื่อช่วยเจ้าหน้าที่พิทักษ์ป่าดับไฟป่า

15.  ท่านผู้โดยสารโปรดทราบ เครื่องกำลังจะบินเข้าสู่ระดับเพื่อลงจอด ได้โปรดกรุณารัดเข็มขัดด้วยค่ะ

Passengers,attention please. The plane is about to level for landing. Would you please fasten your seat belt?



Thursday, 27 August 2020

The Golden Mount and Wat Saket ภูเขาทองและวัดสระเกศ

 

The Golden Mount is a man-made hill. ภูเขาทองคือภูเขาที่มนุษย์สร้างขึ้น  It is named to comply with and to represent the one in the former capital ,Ayutthaya. เรียกชื่อเพื่อให้อนุโลมตามและเป็นตัวแทนภูเขาทองที่อยุธยา เมืองหลวงเก่า   The concept of  Bangkok construction in the early period was to keep the custom  of  having a number of  sites  which were in  Ayutthaya period. แนวความคิดของการสร้างกรุงเทพฯในยุคต้นก็คือการรักษาธรรมเนียมการมีสถานที่ตั้งต่างๆซึ่งอยู่ในอยุธยา  The Bangkok Golden Mount construction began by the initiation of  King Rama III(King Nangklao) in his reign (1824-1851).  การก่อสร้างภูเขาทองเริ่มโดยพระราชดำริริเริ่มของรัชกาลที่3(พระนั่งเกล้า) ในรัชสมัยพระองค์เอง The commencement date of the construction was not indicated. วันที่เริ่มก่อสร้างไม่ได้ระบุไว้    It is assumed  (by  me ,the blogger) that the construction began during 1832-1839 because during the said period the king had a lot of  temple construction and  renovation  launched.  สันนิษฐานเอาว่า(โดยผู้เขียน) การก่อสร้างเริ่มในช่วงปี พ.ศ.๒๓๗๕-๒๓๘๒(ค.ศ.1832-1839) เพราะว่าในช่วงเวลาดังกล่าว พระองค์ให้ดำเนินการสร้างและปฏิสังขรณ์วัดมากมาย   However  they failed to complete the Golden Mount construction in his reign because the base subsided for 18 metres then 6 metres further. อย่างไรก็ตามผู้สร้างก็กระทำการได้ไม่สำเร็จในรัชกาลพระองค์ เพราะฐานทรุดตัวลงมาเป็นระยะ๑๘เมตร และก็ทรุดตัวเพิ่มอีก๖เมตร   The task was suspended throughout his reign.งานหนักครั้งนี้ถูกระงับไปตลอดรัชสมัย   In 1865, fourteen years after the demise of  King Rama III , the inauguration of the further Golden Mount construction was done by his brother--King Rama IV (King Mongkut).ในปีพ.ศ.1865 (พ.ศ.๒๔๐๘) เป็นระยะเวลา14ปีหลังการสววรคตของรัชกาลที่3  การดำเนินการวางศิลาฤกษ์เพื่อสร้างภูเขาทองต่อก็ดำเนินโดยพระอนุชาคือรัชกาลที่4 (พระจอมเกล้าฯ)  The construction could advance well  with the stupa(pagoda) on the summit การก่อสร้างก็คืบหน้าไปอย่างดีโดยมีการสร้างเจดีย์ไว้ส่วนยอด  But it was not entirely completed in his reign. แต่ก็ไม่สมบูรณ์ทั้งหมดในรัชสมัยของพระองค์  His son ,King Rama V( King Chulalongkorn) furthered the construction to completion. พระโอรสคือรัชกาลที่5(พระจุลจอมเกล้าฯ) ดำเนินการต่อจนเสร็จสมบูรณ์  The completion  date was not reported. วันที่สร้างเสร็จไม่ได้มีรายงานไว้    In 1877 the king ,himself , had a Buddha relic from the royal family possession interred in the stupa. ในปีค.ศ.1877 (พ.ศ.๒๔๒๐) พระองค์ให้บรรจุพระบรมสารีริกธาตุที่ทางราชวงศ์มีอยู่ครอบครองเข้าไปในพระสถูปเจดีย์  โดยพระองค์เสด็จมาดำเนินการด้วยพระองค์เอง  Then we may comply that it was the official occasion of  the Golden Mount completion. ดังนั้นเราอนุโลมเอาได้ว่ามันเป็นโอกาสอย่างทางการของการสร้างภูเขาทองโดยเสร็จสมบูรณ์  It can be said that the construction took three reigns from Rama III to Rama V , lasting about 45 years long. กล่าวได้ว่าการก่อสร้างใช้เวลาสามรัชกาล จากรัชกาลที่3ถึงรัชกาลที่5 กินเวลาประมาณ45ปี   Twenty-two years later(1899), the king  had  the  Buddha relic interred  for the second time in the stupa  by appointing   Prince Adsadang, the 10-year-old son to be a representative. ยี่สิบสองปีต่อมา (ค.ศ.1899) พระองค์ให้บรรจุพระบรมสารีริกธาตุเข้าไปเป็นครั้งที่2 โดยมอบหมายให้เจ้าฟ้าอัษฎางค์เดชาวุธ พระโอรสวัย๑๐พระชันษา เสด็จเป็นผู้แทนพระองค์  This second occasion Buddha relic was granted by the Indian government. พระบรมสารีริกธาตุในโอกาสที่สองนี้ได้มาจากรัฐบาลอินเดีย  The relic was one of  those presented to king RamaV,   by Marquis Curzon the English viceroy of  India. พระบรมสารีริกธาตุเป็นหนึ่งนำจำนวนที่ท่านมาควิซ เคอร์ซอน อุปราชอังกฤษแห่งอินเดียมอบถวายให้รัชกาลที่5   A number of  Buddha relics together with valuables were found under the burial mound(stupa) in an urn  with ancient script informing that they are the portion of  Buddha relics owned by the Sakkaya clan or the Buddha 's paternal lineage.  พระบรมสารรีริกธาตุจำนวนมากถูกพบพร้อมกับของมีค่าอยู่ภายใต้เนินดิน(เรียกว่าสถูป) ในโกศ(กล่องบรรจุอัฐิ)โดยมีอักษรโบราณบอกว่าเป็นพระบรมสารีริกธาตุในส่วนที่เป็นของตระกูลศากยะหรือตระกูลข้างฝ่ายพระราชบิดาของพระพุทธเจ้า The valuables were set aside for the museum display ของมีค่าถูกกันออกไปแสดงในพิพิธภัณฑ์   And the Buddha relics were mainly presented to the king of  Siam because of  the reasons : (1) Marquis Curzon was familiar with the king of  Siam as he previously was the English  representative  to  Siam.  (2) India was no longer the Buddhism centre whereas Siam at that time was seen as a significant settlement of  the remaining Buddhism. Also the king was the defender of  the faith   และพระบรมสารีริกธาตุโดยหลักๆนำมาถวายกษัตริย์แห่งสยาม เพราะเหตุผลคือ (๑) ท่านมาควิซ  เคอร์ซอนนี้คุ้นเคยกับกษัตริย์แห่งสยามอยู่แล้วด้วยที่เขาเป็นผู้แทนอังกฤษประจำสามมาก่อน (๒)อินเดียไม่ใช่ศูนย์กลางของศาสนาพุทธอีกต่อไปแล้วในขณะที่สยามเวลานั้นเป็นที่เห็นกันว่าเป็นฐานที่มั่นสำคัญของศาสนาพุทธที่คงเหลืออยู่  กับอีกทั้งกษัตริย์ก็เป็นองค์ศาสนูปถัมภก


Due to the request of  Burma and Sri Lanka

Due to the request of  Burma and  Sri Lanka, the Buddha relics  were shared to them.  อันเนื่องมาจากการร้องขอมาของพม่า และศรีลังกา  พระบรมสารีริกธาตุจึงถูกแบ่งออกไปให้    The portion to Burama were interred in two places :the Shwedagon pagoda in  Rangoon  and the Arakan pagoda in Mandalay. พระบรมสารีริกธาตุในส่วนของพม่านำไปบรรจุไว้สองที่คือ เจดีย์ชเวดากอง ย่างกุ้ง  และเจดีย์อารกัน มัณฑะเลย์  The portion to Sri Lanka were interred  in three places : Anuratpura , the old capital , Kandy the capital at that time  and  Colombo , the present capital.  ส่วนที่ไปศรีลังกา เก็บไว้สามที่ คือ อนุราธปุระ เมืองหลวงเก่า   แคนดี้ เมืองหลวงขณะนั้น  และโคลอมโบ เมืองหลวงปัจจุบัน   The formal ceremony of  Buddha relics presentation (delivery) for them were done on the same date, 7 th January 1900 in the main chapel of  Wat Pho,Thatien  with General Phasakornwon as a king representative. พิธีมอบ(หรือส่งมอบ)พระบรมสารีริกธาตุกระทำในวันเดียวกัน คือ 7 มกราคม ค.ศ.1900 (พ.ศ.๒๔๔๓)  ในอุโบสถวัดโพท่าเตียน โดยมีเจ้าพระยาภาสกรวงศ์ เป็นผู้แทนพระองค์

Afterwards  , the Buddha relics were also shared to Russia as requested by a price of  Russia and the Russian Buddhists.  หลังจากนั้นพระบรมสารีริกธาตุก็แบ่งไปให้รัสเซียด้วยตามการร้องขอของเจ้าฟ้าแห่งรัสเซียและประชาชนพุทธในรัสเซีย

Later on, there was a request by the Japanese government . จากนั้นก็มีการ้องขอมาจากรัฐบาลญี่ปุ่น The Buddha relics were shared to them  with the formal  presentation (delivery)  ceremony on 16th June 1900  in the main chapel of   Wat Pho, Thatien once again.   พระบรมสารีริกธาตุจึงถูกแบ่งไปให้ โดยมีพิธีส่งมอบอย่างเป็นทางการในวันที่ 16 มิถุนายน ค.ศ. 1900 (พ.ศ. ๒๔๔๓)ที่วัดโพ ท่าเตียนอีกครั้งหนึ่ง   It was about 5 months after the ones for Burma and  Sri Lanka. เป็นระยะห่างกันประมาณ5เดิอนหลังจากพม่าและศรีลังกา    On this occasion, the Japanese  built a Buddhist temple with a pagoda for the Buddha relics in Nagoya in 1904.ในโอกาสนี้ทางญี่ปุ่นจึงสร้างวัดและเจดีย์บรรจุพระบรมสารีริกธาตุขึ้นที่เมืองนาโกยาในปี ค.ศ. 1904  The pagoda construction was completed 4 years after (1908). การสร้างพระเจดีย์สร้างเสร็จในเวลา4ปีต่อมา (ค.ศ.1908)


The Golden Mount is 76 meters high located in the compound of  Wat Saket the temple. The sign there says that there are 344 steps of  spiral staircases to get to the stupa(pagoda).    If one has spare time , he may see more in the temple compound such as the main chapel , the museum, the image hall , the gallery with hundreds of  Buddha images  and  the  Sri Lanka Bhodi tree--the Bodhit tree (or Pipal tree) which was a sapling of  the one from Sri Lanka
                                           The presiding Buddha image in the main chapel
                                                       The gallery  of   the main chapel
In the museum there are Buddha images and the replica  of  the Bamiyan Buddha image which was destroyed  by the Taliban in Afghanistan.  The original Bamiyan Buddha image was destroyed  for 6 days  long , in March 2001.





 


Friday, 21 August 2020

สร้างคำประสมด้วยการเติม ED ให้คำนาม

 การสร้างคำประสมยังมีอีกวิธีหนึ่ง  คือการใช้หลัก  Noun+ED + Noun  หมายถึงเติม ED ให้คำนามคำแรก  จะได้ความหมายว่า  " นามตัวหลังมีนามตัวแรก"  การใช้หลักนี้จะทำให้เรามีทางเลือกเพิ่มขึ้นอีกในการสื่อสารภาษาอังกฤษ

ตัวอย่าง  

1.  "เรือที่มีหลังคา"  ก็จะเป็น   roofed boat  ถ้าจะสื่อสารเป็นวลี ก็จะเป็น A/The  boat with roof  และถ้าจะสื่อสารเป็นประโยค ก็จะเป็น A/The boat which has roof . หรือ A/The boat that has roof.

2.    "เรือที่มีเครื่องยนต์"  คำภาษาไทยจะกร่อนเป็น "เรือยนต์" หรือเปลี่ยนไปเป็น "เรือเครื่อง" ก็จะเป็น A/The motored boat   ถ้าจะสื่อสารเป็นวลี ก็จะเป็น A/The boat with motor  และถ้าจะสื่อสารเป็นประโยค ก็จะเป็น A/The boat which has motor. หรือ A/The boat that has motor. 

3.    "เรือที่มีหางยาว"  คำภาษาไทยจะกร่อนเป็น "เรือหางยาว" ก็จะเป็น A/The long-tailed boat ถ้าจะสื่อสารเป็นวลี ก็จะเป็น A/The boat with long tail.  และถ้าจะสื่อสารเป็นประโยคก็จะเป็น A/The boat which has a long tail.  หรือ A/The boat that has a long tail. 

4.    "การฝึกที่มีใบรับรอง"

ได้คำเป็น  A/The certificated training

วลีคือ  A/The training with a certificate

ประโยคคือ A/The training which has a certificate.  หรือ A/The training that has a certificate. 

5.    " คนขับที่มีใบขับขี่"

ได้คำเป็น  A/The licensed driver

วลีคือ A/The driver with license 

ประโยคคิอ A/The driver which has a license.  หรือ A/The driver that has a license. 

6.    "รถบรรทุกที่มีสิบล้อ"  กร่อนเป็น "รถบรรทุกสิบล้อ"

ได้คำเป็น A/The ten-wheeled lorry  / A/The ten-wheeled truck

วลีคือ 

A/The lorry with ten wheels.  หรือ A/The truck with ten wheels. 

ประโยคคือ

A/The lorry which has ten wheels. 

A/The lorry that   has ten wheels. 

A/The truck  that  has ten wheels. 

A/The truck  which  has ten wheels. 

7.    "ทัวร์ที่มีมัคคุเทศก์"  ภาษาพูดเรียกว่า "ทัวร์ที่มีไกด์"

ได้คำเป็น  A/The guided tour

วลีคือ A/The tour with a guide

ประโยคคือ  A/The tour which has a guide   หรือ  A/The tour that has a guide.

8.    "ก๋วยเตี๋ยวสมองหมู"  (มีเจ้าชื่อดัง อยู่ที่ใกล้ๆกระทรวงมหาดไทย แถวๆแพร่งนราฯ)

ได้คำเป็น  The pig-brained noodle

วลีคือ The noodle with pig-brain

ประโยคคือ The noodle that has pig-brain.

9.    "ข้อตกลงที่มีเงื่อนไข"   หรือ "สัญญาที่มีเงื่อนไข"

ได้คำเป็น A/The conditioned agreement

วลีคือ An agreement with condition  หรือ The agreement with condition

ประโยคคือ An  agreement that has condition.  หรือ The agreement that has condition.

หรือ An agreement which has condition  หรือ The agreement which has condition. 

10.    "ยักษ์ที่มีสิบหน้า"  หรือ "อสูรที่มีสิบหน้า"

ได้คำเป็น  The ten-faced demon

วลีคือ The demon with ten faces. 

ประโยคคือ The demon which has ten faces.  หรือ The demon that has ten faces. 

11."เสื้อที่มีแขนสั้น" กร่อนเป็น "เสื้อแขนสั้น"

ได้คำเป็น  A/The short-sleeved shirt  ถ้าเน้นเป็นเสื้อผู้หญิงก็จะเป็น A/The short-sleeved blouse

วลีคือ  A/The shirt with short-sleeves     และ  A/The blouse with short-sleeves

ประโยคคือ  A/The shirt which has short-sleeves   หรือ A/The shirt that has short-sleeves.

และ  A/The blouse which has short-sleeves.   หรือ  A/The blouse that has short-sleeves. 

12.    "กาแฟที่มีนม"  ภาษาพูดคือ "กาแฟนม" หรือ "กาแฟใส่นม"

ได้คำเป็น  Milked coffee  

วลีคือ Coffee with milk

ประโยคคือ Coffee that has milk. 

13.    "จักรยานที่มีที่นั่งซ้อนท้าย"

ได้คำเป็น   A/The pillioned  bicycle

วลีคือ A/The bicycle with a pillion

ประโยคคือ A/The bicycle which has a pillion  หรือ A/The bicycle that has a pillion. 

14.    "ห้องน้ำที่มีฝักบัวอาบน้ำ"

ได้คำเป็น  A/The  showered  bathroom

วลีคือ A/The bathroom with  a shower

ประโยคคือ A/The bathroom which has a shower  หรือ  A/The bathroom that has a shower. 

15.    "คลองที่มีตลาด"

ได้คำคือ A/The marketed canal 

วลีคือ A/The canal with market

ประโยคคือ A/The canal which has a market. หรือ A/The canal that has a market

ประโยคตัวอย่าง : We have no time to visit Damnernsaduak floating market. เราไม่มีเวลาที่จะเที่ยวตลาดน้ำดำเนิน It is too far away. มันไกลเกินไป We are to go ahead that way. เราจะมุ่งหน้าไปทางนั้นThat is Bangkok Noi canal . นั่นคือคลองบางกอกน้อย  It takes us to  the marketed  canal called Khlong Chakphra.มันจะพาเราไปคลองที่มีตลาด เรียกว่า คลองชักพระ  The market is called  Talingchan floating market.ตลาดเรียกว่าตลาดน้ำตลิ่งชัน  It is not an authentic floating market.มันไม่ใช่ตลาดน้ำของแท้ It is only a  market by canal  or  a canal-side market. เป็นแค่ตลาดริมคลอง But it is colloquially named Tanlingchan floating market. แต่เรียกกันติดปากว่าตลาดน้ำตลิ่งชัน

16.    "ดาบที่มีสองคม"

ได้คำคือ  A/The two-edged sword

วลีคือ  A/The sword with two edges 

ประโยคคือ A/The sword which has two edges .  หรือ  A/The sword that has two edges. 

17. "ซอที่มีสามสาย"  หรือ "ซอสามสาย"

ได้คำคือ  A/The three-stringed fiddle

วลีคือ A/The fiddle with three strings

ประโยคคือ A/The fiddle which has three strings.  หรือ     A/The fiddle  that has three strings. 

18.    "เมืองที่มีความแออัด"

ได้คำคือ  A/The  congestioned city (town)

วลีคือ  A/The city(town) with congestion

ประโยคคือ A/The city(town) which has congestion.  หรือ   A/The city(town) that has congestion.

หมายเหตุ :  ถ้ารู้จักคำคุณศัพท์(adjective) อยู่แล้ว คือ congested  จะฟังดูดีกว่า  เป็น  congested city(town)

19.    "คนที่มีความทะเยอทะยาน"

ได้คำคือ  The ambitioned one หรือ An ambitioned one

วลีคือ  The one with ambition หรือ one with ambition

ประโยคคือ  The one who has an ambition .  หรือ  The one that has an ambition.

หมายเหตุ : ถ้ารู้จักคำคุณศัพท์ (adjective) อยู่แล้ว ก็ควรใช้  The ambitious one จะดูดีกว่า

20.  "คนที่มีเงิน" หรือ"คนมีเงิน" ในภาษาพูดคือ "คนมีสตังค์" หรือ "คนมีตังค์" 

ได้คำ คือ The moneyed one หรือ A moneyed one

คำนี้สื่อความหมายแฝงได้ หมายถึง "คนรวย" 

วลีคือ The one with money หรือ One with moneyed

ประโยคคือ The one who has money. หรือ One who has money.



Latest updated :  15th Sep 2020



Sunday, 16 August 2020

พัฒนาการออกเสียง Pronunciation Development

สำหรับการออกเสียงในภาษาอังกฤษในบางคำไม่ใช่เรื่องง่าย ทั้งภาษาอังกฤษของเจ้าของภาษาก็มีหลายแบบ เช่น อังกฤษดั้งเดิม(British English)  อังกฤษอเมริกัน(American English) อังกฤษออสเตรเลีย(Australian English) ฯลฯ    คำที่นำมาให้ศึกษาเป็นคำที่ผู้เขียนพบว่า หลายคนออกเสียงกันเพี้ยน บางคำก็ไม่เสียหายมาก  เพราะผู้ฟังเข้าใจ  แต่ถ้าพบกับเจ้าของภาษาที่เขาทนไม่ได้ เขาก็คงมีต่อว่า หรือไม่ก็สอนให้พูดใหม่  ทำนองเหมือนกับ เวลาฝรั่งพูดว่า "กินข้่าว" เพี้ยนเป็น" กินเข่า"  หรือ "กินเขา" "หรือ "กินเข้า" เราก็มักจะต้องสอนให้เขาใหม่ให้ถูก   

ข้อตกลง 

(๑) จำเป็นต้องระบุคำอ่านเป็นภาษาไทยกำกับพอให้เป็นแนวทางเท่านั้น   

-ถ้าพิมพ์ตัวหนาพยางค์ไหนหมายถึงออกเสียงหนกที่คำนั้น

-ถ้าใช้  วฺ (ใส่จุดข้างใต้เป็นสัญลักษณฺ) หมายถึง เสียง v ไม่ใช่ w

(๒) คำมากมายเทียบให้ได้ไม่เหมือน เพราะความแตกต่างทางด้านภาษา



ตัวอย่างชุดที่ ๑

1.    education    "การศึกษา"

ออกเสียง ไปทาง เอ็ด-ยู-เค-เณิน   ไม่ใช่ เอ็ด-ดู-เค-ชัน

2.    embassy  สถานทูต

ออกเสียงหนักพยางค์แรก  เป็น เอ็ม-บาส-สิ    ไม่ใช่ เอ็ม-บาส-สิ

3.    foreigner   ชาวต่างชาติ

ออกเสียงหนักพยางค์แรก เป็น ฟอ-เร็น-เนอะ   ไม่ใช่  ฟอ-เร็น-เนอะ

4.    immediately  ทันที

ออกเสียงหนักพยางค์ที่สอง เป็น อิม-มิ-ดิ-อาท-ลิ  หรือ อิม-มิ-เดียท-ลิ 

ไม่ใช่  อิม-มิ-เดียท-ลิ

5.    receipt    ใบเสร็จ

แม้จะมีตัว  p  สะกด  แต่ไม่ออกเสียง   p   จึงเป็น ริ-ซีท

6.    register   ลงทะเบียน

ออกเสียงไปทาง  เร-จิส-เทอะ   ไม่ใช่ รี-จิส-เทอะ  

(สามารถออกเสียง เร-จิส-เตอะ ได้  เพราะ เมื่อ เสียง t ต่อท้าย s สามารถออกเป็นเสียงหนักได้)

7.    relative    ญาติ

ออกเสียง   เร-ละ-ทีฟ   ไม่ใช่  รี-เล-ทีฟ

8.    renovation    ปฏิสังขรณ์  หรือ ทำให้ดูใหม่

ออกเสียง  เร-โน-เวฺ-เฌิน    ไม่ใช่  รี-โน-เว-ชัน

9.    soldier     ทหาร

ออกเสียง  ไปทาง โชว-เจอะ  ไม่ใช่ โชว-เดอะ

เสียง จ  เทียบไม่เหมือนได้ทั้งหมด   ให้ออกเสียงสั่นที่ จ ด้วยจึงจะใกล้เคียง

10.   voucher     บัตรกำนัล   หรือ  เอกสารรับรองการจ่ายเงิน

ออกเสียง   เวฺา-เชอะ  ไม่ใช่  วอย-เชอะ

หมายเหตุ : หลักทั่วไปอย่างหนึ่งคือ  คำที่มี "tion" ปกติออกเสียงหนักที่พยางค์ที่อยู่หน้า "tion"


เสียงตัวอย่าง 


ตัวอย่างชุดที่ ๒

1.    leopard   เสือดาว

ออกเสียง   เล็พ-เพิ่ด  ไม่ใช่  ลี-โอ-พาด  

(ผู้เขียนเคยได้ยิน  ชาวฮอลแลนดฺ์คนหนึ่ง  ออกเสียง  ลี-โอ-พาด  ทั้งนี้เป็นเพราะภาษอังกฤษของเขาไม่แข็งแรง)  

2.    resort     ที่พักตากอากาศ

ออกเสียง  รี-ซอท  หรีอ รี-โซท  โดยที่ต้องออกเสียงสั่นที่  s  

3.    ferry   เรือรับส่งข้ามฟาก  หรือ ท่าเรือข้ามฟาก

ออกเสียง  เฟ-ริ   ไม่ใช่  เฟอ-ริ

4.    syrup    น้ำเชื่อม

ออกเสียง ซิ-รัพ   ไม่ใช่   ไซ-รัพ

5.    cherry   ลูกเชอรี่(ผลไม้)

ออกเสียง  เช-รี   ไม่ใช่  เชอ-รี่

6.    memorial    อนุสรณ์สถาน

ออกเสียงหนักที่พยางค์ที่สอง   เป็น  เมม-โม-เรียว     ไม่่ใช่  เมม-โม-เรียล

7.    Canadian   ชาวแคนาดา  

ออกเสียง  คะ-เน-เดียน   ไม่ใช่  แค-นะ-เดียน

8.    available    มีอยู่   

ออกเสียง   อะ-เวฺว-ละ-เบิ่ว   ไม่ใช่  อะ-ไวฺ-ละ-เบิว    

9.    represent   แทน    เป็นตัวแทน

ออกเสียง  เร็พ-พริ-เซ็นท     ไม่ใช่  รี-พริ-เซ็นท    

และออกเสียงสั่นที่  s   ให้เหมือน  z

10.    honor / honour    เกียรติ

ออกเสียง   ออน-เนอะ   ไม่ใช่  ฮอน-เนอะ  


เสียงตัวอย่าง






Wednesday, 12 August 2020

เรื่องของ No Longer / Any longer และ Any more

 .........no longer..................

...........any more .

...........any longer .

ทั้ง3แบบนี้ ใช้ในความหมายว่า  ".......ไม่........อีกต่อไปแล้ว"

สามารถเลือกใช้ได้ตามถนัด  บางคนชอบใช้  any more และ any longer เพราะบอกว่าง่ายดี  เพียงแต่เติมท้ายประโยคปฏิเสธนั้นๆลงไป   บางคนบอกว่า ชอบ no longer  บอกว่าน่าใช้กว่า  เพียงเอาไปแทรกในประโยค ทั้งนี้ก็แล้วแต่  ผู้เขียนไม่วิจารณ์ อยู่ที่ความพึงพอใจของแต่ละคน   ประมาณว่า เมิ่อพูดประโยคว่า "ฉันไม่มีเวลาเจียดให้คุณได้เที่ยวที่ตลาดน้ำเลยนะ (รีบพาไปขึ้นรถไฟ)"  ก็มีพูดต่างๆกันไป คือ   " I haven't any spare time  for you to visit the floating market."  ,   " I haven't  got any spare time  for you to visit the floating market." ,  " I   don't   have any spare time for you to visit the floating market." และ  " I have no spare  time for you to visit the floating market."


ตัวอย่างการใช้

1.    พระบรมมหาราชวังไม่ใช่ที่ประทับของพระมหากษัตริย์อีกต่อไปแล้ว

The Royal Grand Palace is not the king's residence any more.

The Royal Grand Palace is not the king's residence any longer.

The Royal Grand Palace is  no longer the king's residence .

2.    ห้างอิเซตันจะไม่มีที่นี่อีกต่อไปแล้ว ( ข่าวแจ้งมาว่า หมดสัญญาในปี2020นี้ ไม่มีการต่อสัญญากับ Central World)

Isetan will not be  available here any more.

Isetan will  not be available here any longer.

Isetan  will no longer  be  available here .

4.    ไม่มีโรงช้างในพระบรมมหาราชวังอีกต่อไปแล้ว

There is not elephant stable in the Royal Grand Palace any more.

There is not   elephant stable in the Royal Grand Palace any  longer. 

There is no longer  elephant stable in the Royal Grand Palace .

5.    วัดอรุณไม่ได้ถูกเรียกชื่อว่าวัดพระแก้วอีกต่อไปแล้ว

(เรียกชื่อว่าวัดพระแก้วเฉพาะสมัยพระเจ้าตากสิน เนื่องจากพระแก้วมรกตยังอยู่ที่วัดอรุณ)

Wat Arun is not called  The Emerald Buddha Temple any more. 

Wat Arun is not called  The Emerald Buddha Temple any longer. 

Wat Arun is  no longer called  The Emerald Buddha Temple . 

6.    วัดนี้ไม่มีเมรู (ที่เคยเห็นก่อนนี้)อีกต่อไปแล้ว

(วัดไตรมิตรเคยมีเมรุ  แต่ถูกรื้อทิ้งสร้างเป็นมหามณฑปสำหรับพระพุทธรูปทองคำแทน)

This temple doesn't have the crematorium any more. 

This temple doesn't have the crematorium any longer. 

This temple  no  longer has the crematorium . 

7.    ตั๋วใบนี้ใช้ไม่ได้อีกต่อไปแล้ว   มันหมดอายุ

The ticket cannot be used any more . It is expired. 

The ticket cannot be used any longer . It is expired. 

The ticket can no longer   be used  . It is expired. 

8.    โรงเรียนนี้ไม่ใช่โรงเรียนชายล้วนอีกต่อไปแล้ว (ปัจจุบันมีโรงเรียนชายล้วนมากมายที่เปลี่ยนสภาพเป็นโรงเรียนสหศีกษา หรือ co-ed school  เช่น โยธินบูรณะ   สามเสนวิทยาลัย ฯลฯ)

This school is not a boy school any more. 

This school is not a boy school any longer. 

This school is no longer a boy school . 

9.    ท่าช้างไม่ได้ใช้สำหรับช้างหลวงอาบน้ำอีกต่อไปแล้ว

Tha Chang the pier is not used for the royal elephants to take  a bath any more. 

Tha Chang the pier is not used for the royal elephants to take  a bath any longer. 

Tha Chang the pier is  no longer  used for the royal elephants to take  a bath . 

10.    วัดเบญฯไม่อนุญาตให้ประชาชนปล่อยเต่าในคลองของวัดอีกต่อไปแล้ว (เพราะว่าเต่ามีโอกาสตายสูงเนื่องจากไม่มีตลิ่งให้เต่าขี้นมาพัก ที่ให้เต่าอาบแดดไม่มี)

Wat Ben doesn't allow the public to release turtles into the  temple canal any more. 

Wat Ben doesn't allow the public to release turtles into the  temple canal any longer. 

Wat Ben  no longer  allows  the public to release turtles into the  temple canal . 


                                                 A Bangkok floating market in 1963

Any authentic floating market  like this is no longer available in Bangkok. 

Any authentic floating market  like this is not available in Bangkok any more. 

Any authentic floating market  like this is not available in Bangkok any longer. 

ตลาดน้ำของแท้แบบนี้ไม่มีในกรุงเทพอีกต่อไปแล้วสักแห่ง


Monday, 10 August 2020

เรื่องของ Consist of / Comprise / Be composed of

 คำว่า "ประกอบด้วย" มีใช้กันอยู่ทั่วไปด้วยกัน 3 คำ คือ  consist of......  , comprise  และ be composed of.....โดยมีวิธีใช้ตามแบบรูปลักษณ์ของมันเอง  ไม่ควรนำมาปะปนให้ภาษาเสียหาย ดังนี้

หากใช้ consist ให้มี of  ตามมาเสมอ  เป็น consist of 

หากใช้ comprise ให้ใช้ comprise โดดๆ  เป็น comprise........

หากใช้ compose  ให้ใช้ให้ครบเป็น  be + composed  of ......

ตัวอย่าง

๑.    กรุงเทพฯประกอบด้วย๕๐ เขต

Bangkok consist of 50 districts.

Bangkok  comprises  50 districts.

Bangkok  is composed of  50 districts.

๒.    ประเทศไทยประกอบด้วย ๗๗ จังวัด

Thailand consists of 77 provinces.

Thailand  comprises  77 provinces.

Thailand  is composed  of 77 provinces.

๓.    ธงชาติไทยประกอบด้วย๓สี๕แถบ

The national flag of  Thailand consists of  3 colours ,5 bands.

The national flag of  Thailand comprises   3 colours ,5 bands.

The national flag of  Thailand  is composed  of  3 colours ,5 bands

๔. จังหวัดสมุทรสงครามประกอบด้วย ๓ อำเภอได้แก่ อำเภอเมืองแม่กลอง   อำเภออัมพวา และอำเภอบางคนฑี

Samutsongkhram province consists of  3 districts  ,namely  Muang Maeklong  , Amphawa and Bangkhontee.

Samutsongkhram province comprises  3 districts  ,namely  Muang Maeklong  , Amphawa and Bangkhontee.

Samutsongkhram province is composed of  3 districts  ,namely  Muang Maeklong  , Amphawa and 

Bangkhontee.

๕.    พื้นที่ของจังหวัดนี้ประกอบด้วย  ที่ราบ  ที่ราบสูง  และพื้นที่ภูเขาสูง

The area of this province consists of  plain , plateau and mountainous area.

The area of this province comprises  plain , plateau and mountainous area.

The area of this province  is composed  of  plain , plateau and mountainous area. 

๖.    ตามความเชื่อในศาสนาพุทธ สวรรค์ประกอบด้วย๖ชั้น

According to Buddhism belief , the heaven consists of 6 levels (tiers).

According to Buddhism belief , the heaven comprises  6 levels (tiers).

According to Buddhism belief , the heaven  is composed  of  6 levels (tiers).

๗.    สถานะการบรรลุธรรมในศาสนาพุทธประกอบด้วย ๔ ระดับ  โสดาบัน  สกทาคามี  อนาคามี และอรหันต์

The status of  enlightenment in Buddhism consists of 4 levels--Sodaban , Sakathakhamee ,Anakhamee and Arahan.

The status of  enlightenment in Buddhism  comprises  4 levels--Sodaban , Sakathakhamee ,Anakhamee and Arahan.

The status of  enlightenment in Buddhism  is composed  of 4 levels--Sodaban , Sakathakhamee ,Anakhamee and Arahan.

หมายเหตุ : คำว่า อรหันต์ ในภาษาไทยให้ออกเสียงว่า อะ-ระ-หัน   เพราะ ออ-ระ-หัน หมายถึงสัตว์ในวรรณคดี


เพิ่มเติม 

ยังมีอีก ๑ วลีที่ใช้ในความหมายว่า "ประกอบด้วย" หรือ "ประกอบขึ้นด้วย"  นั่นคือ  be + made  up of....

ตัวอย่างประโยค

๑.    พระพุทธรูปองค์นี้ประกอบด้วย๙ส่วนซึ่งเชื่อมต่อกันแล้ว (พระพุทธรูปทองคำวัดไตรมิตร)

This Buddha image is made up of  9 parts which are welded together. 

๒.    จิตรกรรมฝาผนังเรื่องรามเกียรติ์ในวัดพระแก้ว   ประกอบขี้นด้วย ๑๗๘ ตอน

The mural painting,Ramakien, in Wat Phrakaew is made up of 178 episodes(scenes) 

(mural มีความหมายว่า จิตรกรรมฝาผนังอยู่แล้ว  จะไม่ใช้ว่า mural paintingก็ได้)

๓.    กองทหารต่างด้าวของพระนเรศวรประกอบขึ้นด้วหลากหลายกอง เช่น ทัพโปรตุเกส   ญี่ปุ่น  มอญ และกะเหรี่ยง 

The legionnaire troops of  King Naret  are  made up of  various brigades such as  the Portuguese , the Japanese , the Mon and the  Karen.

๔.    อาคารพระที่นั่งองค์นี้ประกอบด้วย ส่วนหน้า  ส่านกลาง และส่วนหลัง

This  throne hall building  is made up of  the front  , the middle and the rear  (หรือ back) parts. 

๕.    เครื่องราชกกุธภัณฑ์ประกอบด้วย  พระมหาพิชัยมงกุฎ  พระแสงขรรค์ชัยศรี  ธานพระกร   วาลวิชนี และ ฉลองพระบาท 

(ธานพระกร คือไม้เท้า           วาลวิชนี คือแส้)

The royal regalia is made up of  the crown , the sword , the staff  ,the whisk  and the slippers. 



Saturday, 8 August 2020

คำว่า "ควรจะ" จะเลือกใช้ SHOULD หรือ HAD BETTER ดี ?

 SHOULD  และ HAD BETTER

ในภาษาอังกฤษ มีคำที่มีความหมายว่า "ควรจะ" อยู่ ๓ คำ คือ   should  ,  had better  และ ought to แต่ในทางปฏิบัติ ชีวิตประจำวันแทบจะไม่เคยได้ใช้    ought to  คำนี้มีความหมายในทางบังคับ เช่นเรื่องหน้าที่ที่จะต้องทำ  เรื่องกฎหมายที่กำหนด  มักจะพบในตัวภาษาเขียนมากกว่า โดยเฉพาะในตัวเอกสารทางกฎหมาย  ดังนั้นเราจะแยกคำนี้ไว้ตอนท้าย    จึงเป็นเรื่องของshould และ had better ก่อน(ในชีวิตจริง  มักจะได้ยินผู้พูดกร่อนคำ เหลือ 'd better  จนไม่ได้ยินคำว่า  had เลย)

Should และ Had better  ใช้ต่างกันอย่างไร ?

โดยทั่วไปทั้งสองคำนี้มีความหมายว่า "ควรจะ" หรือ "ควร" แต่มีความหมายต่างกันโดยลึกคือ  should ใช้ในความหมายว่าเป็นเรื่องที่จำเป็น หรือเชิงบังคับ ถ้าไม่ทำหรือไม่เป็นตามที่ควรจะให้ทำ อาจมีผลเสียบางประการ  ส่วนคำว่า had better ใช้เมื่อแฝงความหมายเชิงเสนอะแนะ หรีอความเห็น

จะใช้หลักอย่างไรเพื่อให้เลือกคำได้เหมาะสม ?

เพื่อให้เห็นความแตกต่างชัดเจน ผู้เขียนจึงให้ใช้ความหมายแตกต่างกันคือ  should ให้แปลว่า "ควร" หรือ "ควรจะ"   และ had better ให้แปลว่า "ควร............ดีกว่า" หรือ "ควรจะ.............ดีกว่า"

หมายเหตุ : เมื่อใช้ความหมายปฏิเสธ ของ had better ก็จะเป็น had better not  จะได้ความหมายว่า  "ไม่ควรจะ............ดีกว่า"    แต่ในชีวิตจริงคนไทยไม่พูดแบบนี้ตรงๆ  โดยจะใช้รูปแบบว่า  "อย่า...........ดีกว่า" แทน


ประโยคตัวอย่าง 

๑.  คุณควรออกเดินทางแต่เช้านะ (ไม่อย่างนั้นตกรถไฟ)

You should lave early morning.

๒.   คุณควรออกเดินทางแต่เช้าจะดักว่านะ (ให้ความเห็นแล้วนะ มันเสี่ยงตกรถไฟ)

You had better leave early morning. 

๓.  ฉันควรจะเก็บประเด็นนี้ไว้ไหม?

Should I keep this issue?

๔.  ฉันควรจะเก็บประเด็นนี้ไว้ดีกว่าไหม?

Had I better keep this issue?

๕.  คุณไม่ควรพาเด็กเข้าใกล้กรงเสือ

You should not take the children to approach the tiger cage.

๖.  คุณอย่าพาเด็กเข้าใกล้กรงเสือดีกว่านะ

You had better not take the children to approach the tiger cage.

๗. มันดูไม่ครึ้มฝนเลย เราควรจะเอาร่มไปไหม?

It does not look cloudy. Should we take umbrellas ?

๘. มันดูไม่ครึ้มฝนเลย เราควรจะเอาร่มไปดีกว่าไหม (ไม่ค่อยไว้ใจสภาพอากาศ)?

It does not look cloudy.  Had we better take umbrellas?


แบบฝึกหัด 

1.  พายุแรง เราควรกลับเข้าฝั่งดีกว่า

2.  เราไม่ควรทิ้งเด็กๆไว้ที่หาดโดยไม่มีผู้ใหญ่ดูแลสักคน

3.  คุณอย่าทำแบบนั้นดีกว่า

4.  มันเค็มพอแล้ว  อย่าเติมน้ำปลาเข้าไปอีกดีกว่านะ (เธออาจจะกินได้ แต่ฉันกินเค็มมากกว่านี้ไม่ไหว)

5.  ประเด็นนี้ควรเก็บไว้พิจารณาทีหลัง

6.  ตัวนี้ไว้ใช้พรุ่งนี้ดีกว่า

7.  เรือแน่นมาก  เรารอลำต่อไปดีกว่า 

8.  คุณควรจะหยุดพัก

9.  คุณควรจะหยุดพักดีกว่า

10.เราไม่ควรเสียเวลากับมันดีกว่า (เราอย่าเสียเวลากับมันดีกว่า)


เฉลย

1.  It is stormy. We should return to the bank.

หมายเหตุ :  ถ้าหมายถึงฝั่งทะเล ให้เปลี่ยนคำว่า bank เป็น shore

2.  We should not leave the children on the beach without any adult to take care.

3.  You had  better not do like that. 

4.  It is salted enough.  You had better not add (หรือ fill ) more fish-sauce.

5.  -This issue should be kept  to consider later. 

     -This issue should be kept to be considered later.

6.  This one had better be used tomorrow. 

7.  The boat is very crowded . We had better wait for the next one. 

8.  You should take a break to rest.

9.  You had better take a break to rest.

10.We had better not waste time with it.


Ought to  ควรจะ..........(มีอะไรบังคับอยู่)

ตัวอย่าง 

1. คุณรับปากลูกค้าว่าทุกที่นั่งมีน้ำดิ่มอภินันทนาการ  คุณควรทำตามที่สัญญา

You promise the clients that every seat has complimentary drinking water. You ought to do as promised. 

2. คุณควรข้ามที่ทางม้าลายนะ (กฎหมายบังคับ)

You ought to cross at the zebra-crossing. 

3. สายการบินคุณบอกว่า "เราตรงต่อเวลาเสมอ"    งั้นเครื่องควรจะออกได้แล้ว

Your airlines says that " We are always on time."  Then the plane ought to take off. 

4. คุณไม่ควรสูบบุหรี่บนชายหาด  ค่าปรับ 10,000 บาทนะ (กฎหมายไทยกำหนดไว้โทษสูงสุดตามนี้)

You oughtn't to smoke on the beach.  The fine is  Baht 10,000. 

5. ลูกทัวร์รออยู่นะ เราออกเดินทางได้แล้ว

The tourists are waiting. We ought to leave. 

The tourists are waiting. We ought to start the tour. 

6. หมอไม่อนุญาตให้ดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์  คุณควรหยุดนะ

The doctor does not allows you to drink alcoholic beverage.  You ought to quit ( หรือ give up).