Tuesday, 16 December 2014

บรรยายนำชม Ayutthaya Historical Park

Ayutthaya Historical Park อุทยานประวัติศาสตร์อยุธยา


มีแหล่งท่องเที่ยวในอุทยานประวัติศาสตร์อยู่มากมาย  There are many tourist attractions in Ayutthay Historical Park   แต่ละที่ก็มีจุดเด่นต่างๆกันไป Each place has its own outstanding spot.  ส่วนใหญ่ก็อยู่ในสภาพของสิ่งปรักหักพัง  อันเนื่องมาจากสงคราม  กาลเวลา  และการถูกรื้อทิ้งเพื่อใช้งานใหม่ Most of them are in the state of ruins  due to the war  ,time and being  dismantled to reuse.    เพื่อให้กระจ่างชัด  เราควรรับทราบด้วยว่า ข้อมูลที่มีอยู่ในตำราเรียนมักจะกล่าวหากองทัพพม่าว่าเป็นผู้ทำลายแต่ฝ่ายเดียวใน สงครามปี ค.ศ.๑๗๖๗   To clarify , we should acknowledge that  the information that is available in textbooks  tends to accuse of    only the Burmese to have destroyed it.  จริงๆแล้วมีเหตุผลหลายประการ เช่น ๑.การถูกเผาในสงคราม  ๒.การถูกทำลายเนื่องจากธรรมชาติ เช่น พายุ  ฝน และน้ำท่วม  ๓.การบุกรุกของคนในท้องที่ก่อนที่รัฐบาลจะเข้าไปบำรุงรักษา  ๔.การถูกรื้อทำลายเนื่องจากทางรัฐบาลในสมัยก่อนต้องการนำวัสดุ เช่นอิฐ มาใช้ก่อสร้างเมืองหลวงใหม่คือกรุงเทพฯ  Really,there are many reasons  such as 1.being burnt in the war.  2.being destroyed because of  the nature such as storm  ,rain  and  flood 3.being encroached by the locals  before the government entered to maintain.  4.being dismantled because  the government in the old days wished to take the materials to construct the new capital,Bangkok.


แหล่งท่องเที่ยวที่เป็นตัวอย่างมีดังนี้   The sample tourist attractions are as follows:

1.วัดพระศรีสรรเพชญ์ Wat Phrasisanphet
เป็นวัดที่ตั้งอยู่ในเขตพระราชวัง It is a temple that is located in the  royal palace.    ตอนแรกพระราชวังที่สร้างโดยพระเจ้าอู่ทองกษัตริย์องค์แรกยังไม่ได้มีวัดอยู่ในวัง At first ,the palace which was built  by King U-thong ,the first king  had not had the temple in the palace yet.    พระราชพิธีต่างๆจึงต้องทำในวัดอื่นๆข้างนอก  เช่นวัดมหาธาตุ The royal ceremonies had to be done in the temples outside such as Wat Mahathat.    ๙๘ปีต่อมาวัดในพระราชวังจึงสร้างขึ้น 98 years later ,the palace temple was built     ตั้งชื่อว่าวัดพระศรีสรรเพชญ์ตามชื่อพระพุทธรูปยืนองค์ใหญ่ สูง๑๖เมตร ทำด้วยสำริดหนักประมาณ ๒๗.๓ตัน หุ้มด้วยทองคำหนักประมาณ ๑๗๐กิโลกรัม  It was named Wat Phrasrisanphet  according to the big standing Buddha image at 16 meters high ,made of  about 27.3 tones of  bronze ,covered with about 170 kilograms of  gold.     พระพุทธรูปองค์นี้ถูกพม่าเผาลงไปในสงครามปี ค.ศ.๑๗๖๗ ปีที่อยุธยาล่มสลายThis Buddha image was burnt by the Burmese in the  war of 1767,the year of Ayutthaya fall.  พม่าก็เอาทองคำไป  ทิ้งสำริดเอาไว้   Then  the Burmese took the gold,leaving the bronze behind
.
หมายเหตุ : (1)กองทัพพม่าประกอบด้วยชนชาติต่างๆมากมาย  เช่น ยะไข่  คะฉิ่น  กะเหรี่ยง  ชนชาติเหล่านี้ถูกเกณฑ์มาร่วมรบ  หาได้มีแต่ทหารพม่าไม่ (2)ในบันทึกระบุว่า ทหารพม่าบางส่วนมุ่งหมายจะสังหารพระสงฆ์เป็นหลัก  ดังนั้นเป็นไปได้ว่าพวกนี้คือนักรบมุสลิมจากยะไข่ ซึ่งอยู่ในกลุ่มโรฮินยา แต่สมัยนั้นไม่มีชื่อโรฮินยา เพราะชื่อนี้มาตั้งกันในยุคสมัยใหม่ หลังจากอาณาจักรพม่าล่มสลาย ตกเป็นเมืองขึ้นของอังกฤษ และการกระทำของนักรบมุสลิมพวกนี้ถือเป็นการขัดต่อหลักศาสนาอิสลามอยู่แล้ว เพราะแก่นของศาสนาคือ อิสลาม ซึ่งหมายถึง สันติ  ดังนั้นเราสามารถเรียกพวกนี้ว่า พวกบ้าศาสนา หรือพวก theomania  ก็ประมาณว่าเหมือนพวกตาลิบันในปัจจุบัน (3) เมื่อกรุงแตก พม่านำพลเมืองสยามอยุธยาประมาณ30,000คนไปเป็นเชลย พาไปอังวะ แล้วย้ายไป รัตนปุระ(มัณฑเลย์) แล้วแบ่งบางส่วนไปอยู่เมืองสะแกง  (4)วันกรุงแตกคือ 10 เม ย. 2310 (วันเนาสงกรานต์)   (5)พม่าใช้เวลาเผากรุงศรีอยุธยา 15วัน ยกทัพออกจากกรุงศรีฯวันที่15 เม.ย. 2310 เอาทั้งสมบัติและพลเมืองอยุธยาไปด้วย  ทิ้งทหารไว้ดูแลประมาณ5,000 นาย

วัดพระศรีสรรเชญ์สร้างขึ้นบนที่ตั้งเดิมของวังที่สร้างในปี ค.ศ.๑๓๕๐ โดยพระเจ้าอู่ทอง   ดังนั้นเมื่อวัดนี้ตั้งขึ้น  พระราชวังจึงถูกย้ายไปทางด้านหลังใกล้ๆแม่น้ำ  Wat Phrasisanphet  was built  on the  old  site of  the palace that was built in 1350 by King U-thong.  Then this temple was existed ; the palace was moved to the back near the river.



จุดเด่นที่หลงเหลืออยู่ในวัดคือเจดีย์องค์ใหญ่๓องค์ซึ่งสร้างเพื่อบรรจุพระอัฐิของกษัตริย์อยุธยา
องค์ที่๘ถึง๑๐  The outstanding spots that remain are the three big stupas containing the relics of  the 8th to the 10th king of  Ayutthaya.     ยังมีเจดีย์อื่นๆอีกมายมายที่บรรจุพระอัฐิของกษัตริย์และพระราชวงศ์ แต่หลักฐานใดๆที่จะบอกให้เราทราบไม่มีเหลือแล้ว(หลักฐานมากมายถูกเผาไปแล้วในช่วงสงคราม)  There are also other stupas that contain the relics of  kings and members but any evidence to tell us is not left.
หมายเหตุ : ต้นพุทรา (Indian Jujube หรือ Jujuba หรือ monkey apple) ที่มีอยู่ตามวัดพระศรีสรรเพชญ์มาจากพระยาโบราณราชธานินทร์ ข้าราชการสมัยรัชกาลที่5ให้มาปลูกไว้  ไม่ได้ย้อนไปถึงสมัยอยุธยา และไม่ได้เกิดจากที่ทหารพม่ามาถ่ายอุจจาระทิ้งเมล็ดเอาไว้อย่างที่เอามาพูดเล่นกัน




2.วัดราชบูรณะ Wat Ratchaburana
วัดนี้สร้างในค.ศ.๑๔๒๔ โดยกษัตริย์อยุธยาชื่อเจ้าสามพระยาหรือสมด็จพระบรมราชาธิราชที่๒  โอรสองค์ที่๓ของเจ้านครอินทร์แห่งอยุธยา  This temple was  built by a king of  Ayutthaya named King Sam Phraya or  King Borommaracha II,the third son of  King Nakharin.    วัดสร้าง ณ ที่ตั้งของที่ถวายพระเพลิงของพระเชษฐาสององค์ที่ต่อสู้กันบนหลังช้างเพื่อแย่งชิงบัลลังก์  The temple was built on the cremation site of  his two brothers who had a battle on elephant backs to seize the throne.    เจ้าทั้งสองต่างฝ่ายต่างประหารกันสิ้นพระชนม์บนหลังช้าง Both of  them killed each other on the elephant backs.   เจ้าสามพระยาเจ้าเมืองชัยนาท(ปัจจุบันคือพิษณุโลก)พระโอรสที่เหลืออยู่ของเจ้านครอินทร์จึงได้รับการอัญเชิญขึ้นครองราชย์แทน Chao Samphraya the governor of Chainat(now Phitsanulok)as the remaining son of  King Nakharin then was invited to ascend the throne instead.

More Detail รายละเอียดเพิ่มเติม
King Nakharin with a sudden demise did not appoint any son to be the right successor เจ้านครอินทร์สวรรคตกระทันหันโดยไม่ได้แต่งตั้งโอรสองค์ใดเป็นผู้สืบทอด Chao Ai-Phraya, the governor of Suphanburi , wished to seize the throne as the eldest son. เจ้าอ้ายพระยาเจ้าเมืองสุพรรณบุรีประสงค์จะได้บรรลังก์ในฐานะที่โอรสองค์โต.   Chao Yi-Phraya, the governor of  Sankhaburi (now in Chainat) demanded the right of throne as the one who had bigger army and more influence.  เจ้ายี่พระยาเจ้าเมืองสรรคบุรี( ปัจจุบันอยู่ในชัยนาท) เรียกร้องสิทธิในบัลลังก์ในฐานะที่มีกองทัพใหญ่กว่า และอิธิพลมากกว่า  While doing elephant-back combat , they beheaded each other at the same moment with their own scythes. ขณะกระทำการยุทธหัตถี ทั้งสององค์ต่างฟันพระศอกันขาดในจังหวะเดียวกันด้วยพระแสงของ้าว   It was a bloody consanquine battle. มันเป็นศึกสายเลือดที่นองเลือดครั้งหนึ่ง Then   a question is why Chaosamphraya did not get involved in the battle. จากนั้นคำถามก็มีมาว่าทำไมเจ้าสามพระยาไม่ได้เข้ามาเกี่ยวข้องการยุทธครั้งนี้    It was indicated that he did not come in time to intervene the battle. ระบุไว้ว่าพระองค์เสด็จมาขัดจะหวะ(ห้ามทัพ)การรบไม่ทัน  Additionally, it is assumed that he was a full-brother of  Chao Yi-phraya. นอกจากนี้ยังสันนิษฐานว่าพระองค์เป็นพี่น้องร่วมพระมารดากับเจ้ายี่พระยา Then he had no desire to usurp the throne. ดังนั้นพระองค์จึงไม่ปรารถนาจะชิงบัลลังก์   That is an assumption by some scholars. นั่นเป็นข้อสันนิษฐานโดยนักวิชาการบางท่าน   
หมายเหตุ : ผู้เขียนคิดว่าบางทีเจ้าสามพระยาก็อาจจะอยากยกทัพมาชิงบัลลังก์เหมือนกัน แต่ทว่าระยะทางจากเมืองชัยนาท(พิษณุโลก) มาอยุธยา มันไกลมากกว่า เมื่อเทียบกันกับ สุพรรณบุรี-อยุธยา และสรรคบุรี-อยุธยา  อย่างไรเสียก็เดินทางมาช้ากว่าแน่นอน

Vocabulary 
consanguine (n) ร่วมสายโลหิต
 
ของมีค่ามากมาย เช่น เครื่องใช้ที่เป็นทอง  พระพุทธรูป และพระพิมพ์ ถูกพบตอนที่กรมศิลปากรทำการบูรณะ  Many valuables ,such as  gold utensils, Buddha images and votive tablets of  Buddha images  were found  when the department of  fine arts  did the restoration.  และพบว่าของมากมายได้ถูกพวกโจรล่าสมบัติขโมยไปก่อนหน้าแล้ว And then they found that  many objects were previously  stolen by the treasure hunters       รัฐบาลให้นำพระพุทธรูปองค์เล็กๆมากมายออกให้เช่า(ขาย) เพื่อนำเงินรายได้มาเป็นทุนในการสร้างพิพิธภัณฑ์แห่งชาติ ที่อยุธยา(พิพิธภัณฑ์แห่งชาติ เจ้าสามพระยา)  The government had many tiny Buddha images sold to bring the income as a fund in the construction of  the national museum in Ayutthaya (Chaosamphraya National Museum)   ปัจจุบันนี้ในพิพิธภัณฑ์ยังมีของมากมายซึ่งเคยเก็บในกรุของพระปรางค์วัดนี้  Nowadays, in the museum there are still a lot of  objects which used to be kept in the crypt of  the temple prang.




3.วัดมหาธาตุ Wat Mahathat
วัดนี้ชื่อวัดมหาธาตุThis temple is named Wat Mahathat  สร้างในปีค.ศ ๑๓๗๔  ในสมัยอยุธยาตอนต้นIt was built in 1374 in Ayutthaya early period.   ชื่อของวัดหมายถึงวัดแห่งพระมหาธาตุ เพราะว่าเป็นวัดที่ประดิษฐานพระบรมสารีริกธาตุของพระพุทธเจ้า The name of the temple means the temple of  the great relics  because it enshrined the relics of  the Buddha.  ปัจจุบันพระบรมสารีริกธาตุได้อัญเชิญไปเก็บที่พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติเจ้าสามพระยาแล้ว Nowadays, the relics are already moved to  Chaosam Phraya  national museum      องค์พระปรางค์ประธานเคยสูงประมาณ๕๐เมตร The main prang  used to be about 50 meters high. เคยเก็บพระบรมสารีริกธาตุ และของมีค่ามากมาย  รวมถึงพระพุทธรูป It used to keep  the Buddha relics and a lot of  valuables ,including the Buddha images.     พระปรางค์พังลงมาตอนที่มีพายุอย่างหนัก ประมาณ๑๑๔ปีมาแล้ว  The prang collapsed when there was a heavy storm  about 114 years ago. ตามหลักฐานระบุว่าพระปรางค์พังลงมา เวลา๑๑.๐๐ นาฬิกา วันที่๒๕ พฤษภาคม พ.ศ.๒๔๔๗(ค.ศ.๑๙๐๔)   According to an evidence , the prang collapsed at 11 am. on 25th May 1904.ความสูงที่เหลือของพระปรางค์ประมาณ๒๐เมตรThe remaining height of the prang is about 20 meters high     จุดดึงดูดนักท่องเที่ยวอย่างหนึ่งคือเศียรพระพุทธรูปทีอยู่ตรงรากต้นโพ An attractive spot for tourists  is  the head  of   the  Buddha image  at the root of the pipal tree.   สันนิษฐานว่าถูกพัดมาตอนที่มีพายุครั้งนั้น  It is assumed that it was blown to the spot when there was the mentioned  storm.  แล้วต้นโพก็เติบโตขึ้นมาโอบอยู่รอบเศียรพระในภายหลัง Then the pipal tree grew up to  wind the head of the Buddha image.





The gate to the site that is believed to be the monk's living quarters of Wat Mahathat.  Any remaining edifice is not left because the compound was settled with wood structure.  It was under destruction in the war time,1767.


4.วัดหน้าพระเมรุ Wat Naphramain 
ชื่อของวัดบอกให้ทราบเป็นนัยๆว่าเป็นวัดที่ตั้งอยู่หน้าพระเมรุของพระมหากษัตริย์หรือพระราชวงศ์ The name of  the temple implies that it is a temple located in front of  the crematorium of  kings or  the royal family members.    เป็นหนึ่งในวัดที่ไม่ถูกพม่าเผาในคราวล่มสลายของอยุธยาปี ค.ศ.๑๗๖๗ It is one of the temples which were not burnt by the Burmese at the time of  Ayutthay fall in 1767.   จุดดึงดูดของวัดคือความสวยงามของพระพุทธรูปประธานในโบสถ์ The temple attraction is the beauty of the principal  Buddha image in the main chapel.     เป็นพระพุทธรูปทรงเครื่องใหญ่ ปางมารวิชัย It is a Buddha image with full royal regalia in the position of  subduing Mara ,the evil spirit.    ทำด้วยสำริดปิดทอง  สูงประมาณ๖เมตร It is made of  gilt bronze ,about 6 meters high.   ไม่มีหลักฐานแน่นอนที่จะบอกว่าวัดนี้สร้างครั้งแรกเมื่อไร There is no certain  evidence to  tell when this temple was built for the first time.   แต่เชื่อว่าพระประธานสร้างสมัยอยุธยาตอนปลาย But the  it is believed that the principal Buddha image  was built in Ayutthaya late period.


The presiding Buddha image in Wat Naphramain is officially named Phraphutthanimit Phitchitmanmolee Sisanphetborommatrailokkanat  พระพุทธนิมิตพิชิตมารโมฟีศรีสรรเพชญ์บรมไตรโลกนาถ

5.วัดไชยวัฒนาราม Wat Chaiwattanaram
วัดนี้สร้างสมัยอยุธยาตอนปลาย ในปี ค.ศ.๑๖๓๐ ในรัชกาลพระเจ้าปราสาททองThis temple was built in Ayutthaya late period in 1630 in the reign of  King Prasatthong.     ชื่อของวัดหมายถึงวัดที่เกี่ยวข้องกับชัยชนะ  The name of the temple  means the temple which concerns the victory.    พระเจ้าปราสาททองให้สร้างเพื่อฉลองชัยชนะที่สยาม-อยุธยา มีเหนือกัมพูชาอีกครั้งหนึ่ง  King Prasatthong had it built to celebrate the victory the Siam-Ayutthaya had over the Khmer once again.    ดังนั้นสถาปัตยกรรมของวัดจึงเป็นแบบขอม Then the architecture style is in the Khmer style.  ว่ากันว่าสร้างโดยการประยุกต์อย่างแบบนครวัด   It is said that it was built by applying the pattern of  Angkor Wat.  สถานที่ตั้งของวัดเคยเป็นนิวาสถานพระราชมารดาของพระองค์  The site of  the temple used to be his mother's residence.
เป็นอีกวัดหนึ่งที่ไม่ถูกพม่าเผา  เพราะว่าถูกใช้เป็นที่ตั้งของค่ายทหารพม่า   It is one of the temples that were not burnt  by  the Burmese  because  it was used as a Burmese military camp.  พระปรางค์ประธานสูง35 เมตร The presiding prang is 35 meters high.  ทำด้วยอิฐก่อปูน It is made of  bricks and stucco.    มีรูเล็กๆมากมายอยู่ทั่วทางด้านส่วนบน There are many holes around the upper part of the prang    รูเหล่านี้ใช้สำหรับหมุดหรือก้านโลหะที่จะยึดแผ่นโลหะหรือทองแดงที่ปิดทองอยู่ทั่วองค์ปรางค์ These holes were used for the pegs or metal stems to suspend the metal plates or  copper  plates which were gilt around the prang.
นอกจากพระปรางค์แล้ว ยังมีพระพุทธรูปปูนปั้นทรงเครื่องใหญ่อยู่รายรอบพระระเบียง Apart from the  prangs , there are stucco Buddha images  in full royal regalia around the gallery.   ถือได้ว่าเป็นวัดที่สวยที่สุดวัดหนึ่งในอุทยานประวัติศาสตร์อยุธยา It is regarded as one of the most beautiful temples in Ayutthaya Historical Park.
นอกจากปรางค์ ยังมีสถูปอีก๒องค์ซึ่งไม่เข้ากับแผนผังโครงสร้างของวัด    เพราะว่าเสริมขึ้นมาทีหลังเพื่อเก็บอัฐิของพระราชวงศ์๒องค์. Apart from the prangs, there are two more stuapas which do no match the outline of  the temple   because they were added later  to keep the crematory ashes  of  two royal family members.  บุคคลทั้ง๒คือ เจ้าฟ้าธรรมมาธิเบศร์และเจ้าฟ้าสังวาลย์พระสนม The two persons were Prince Thammathibet and Sangwan the king's concubine.   ถูกโบยจนสิ้นพระชนม์เนื่องจากการกระทำชู้สาวกัน They were flogged to death because of  adultery. เหตุการณ์เกิดขึ้นในสมัยพระเจ้าบรมโกศ This event took place in the reign of  King Borommakot.
หมายเหตุ : เจ้าฟ้าสังวาลย์เป็นสนมองค์หนึ่งในพระเจ้าอยู่หัวบรมโกศ


6.วิหารพระมงคลบพิตรThe image hall of  Phramonkhon Bophit 
ตามคำจำกัดความแล้วนั้น  สถานที่นี้ไม่สามารถเรียกได้ว่าเป็นวัดโดยสมบูรณ์แบบ    เพราะบริเวณของสถานที่ขาดองค์ประกอบของการเป็นวัดหรืออาราม According to the definition ,the place cannot be completely  called a temple  because the compound  lacks the factor of  being a temple or monastery.      เป็นเพียงหอพระ It is only a chapel   เราเรียกว่าวิหารWe call it an image hall. จุดดึงดูดสำคัญคือพระพุทธรูปองค์ใหญ่ชื่อหลวงพ่อโต The main attraction is the big Buddha image  named Luang Pho To.      ทำด้วยอิฐและปูนปั้นหุ้มด้วยสำริดหนา๓-๔นิ้ว ปิดด้วยทองIt is made of  bricks and stucco coated with 3-4 inch gilt bronze.  พระพุทธรูปเป็นปางมารวิชัย  สูง๑๒.๔๕เมตร ไม่รวมฐาน The image is in subduing Mara the evil.  It is 12.45 meters high excluding the base.     หลังจากอยุธยาล่มสลาย  พระพุทธรูปก็เสียหายและถูกทิ้งไว้เป็นซากปรักหักพังกว่าหนึ่งศตวรรษครึ่งAfter the fall of  Ayutthaya the image was damaged and left as ruin for over one and a half century.     ในปีค.ศ.๑๙๕๕ มีการบูรณะขึ้นโดยรัฐบาลไทยร่วมกับรัฐบาลพม่า ตอนที่นายอูนุนายกพม่ามาเยีี่ยมอยุธยา  In 1955 there was a restoration by Thai government together with the Burmese when General Unu ,the Burmese prime minister visited Ayutthaya.   เงินช่วยเหลือในการบูรณะจากพม่าเป็นจำนวน ๒๐๐,๐๐๐ บาท และจากไทย ๑๕๐,๐๐๐ บาท   The subsidy for the restoration was in the amount of  Bt 200,000 by Burmese and  150,000 by Thai.     พระวิหารที่สร้างใหม่อย่างที่เห็นในปัจจุบันเป็นไปตามแบบของวิหารของวัดสุทัศน์ กรุงเทพฯ The rebuilt vihan as seen nowadays follows that of  Wat Suthat ,Bangkok.



7. วัดโลกยสุทธา Wat Lokkayasutha

It is by a local name Wat Phranon meaning the temple of  the reclining Buddha.  The attraction is the huge Buddha image , 42 metres long  8 metres high,  in reclining position.  No evidence indicates when it was built.  The main prang style corresponds those  of  Wat Mahathat and Wat Phraram; then it is assumed as a temple of  Ayutthaya  early period.  When the reclining Buddha was restored for the first time in 1954, it was seen as a Buddha image with regalia, of which the style corresponds those of  Wat Chaiwattanaram , a temple of  Ayutthaya late period.  It is a pity that its original look is gone because of  the poor understanding.  The contractor could not differentiate between restoration and renovation. The Buddha image was renovated several times afterwards.  Its  present appearance  does not show much the former one.    When the Fine Arts Department did excavation of the temple ruins , head of  sandstone Buddha images were found.  This corresponds the style of  Buddha images of  Ayutthaya early period.    Then we may conclude with the assumption that: (1) The temple was built in Ayutthya early period  (2) The reclining  Buddha was  probably built  in the late period.   







Latest updated : 6th  Sept 2020

1 comment: